CHAPTER 16 : LET ME BE YOUR MAN (พาร์ท 2)
แสงแดดยามเช้าไม่สามารถปลุกร่างเล็กที่เมื่อคืนนี้หอบเหนื่อยจนหลับพับไปคาอกได้
ปลายนิ้วยกมาเกลี่ยปรอยผมที่ปรกหน้าไปทัดไว้กับใบหูก่อนจะเกลี่ยแก้มขึ้นสีระเรื่อ
แก้มนุ่มนิ่มนั่นเด้งสู้มือจนอยากก้มลงไปฟัดด้วยความมันเขี้ยวถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ้าตัวจะตื่นซะก่อน
ขนาดร่างกายที่ต่างกันขนาดนั้นเขารู้ทั้งรู้ว่าตัวเองแรงเยอะจนจะทำคนใต้ร่างบอบช้ำแต่กลับควบคุมตัวเองไว้ไม่ได้
ในตอนนี้ความร้อนผ่าวที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายแบคฮยอนทำให้ชานยอลมีสีหน้ากังวล
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่านี่ก็เกือบ
8 โมงแล้ว บอสหนุ่มจำได้ว่ามีประชุมใหญ่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
แต่ก็ยังไม่ยอมขยับตัวไปไหน
ท่อนแขนแกร่งกอดรัดร่างเล็กในอ้อมแขนเข้ากับอกกดจมูกลงบนกลุ่มผมนุ่ม
สูดดมกลิ่นเด็กน้อยที่ทำให้เขาใจอ่อนยวบทุกครั้งที่อยู่ใกล้เข้าเต็มปอด
ใจคิดว่าอยากให้อีกคนพักผ่อนแต่สุดท้ายการกระทำที่เหมือนคนขี้เห่อแรงกอดรัดและสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากนุ่มที่พรมจูบซ้ำ
ๆ บนใบหน้าใสก็ทำให้แบคฮยอนรู้สึกตัวจนได้
มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาครางฮือเพราะการขยับพลิกตัวเมื่อครู่ทำให้สะเทือนไปทั้งร่างกาย
เจ้าของวงแขนที่กอดไม่ยอมปล่อยรีบหลับตาลงเมื่อร่างในอ้อมแขนพยายามขยับตัวหนีจากการถูกรบกวน
ร่างเล็กสั่นไหวเพราะความปวดร้าวจากบั้นเอวถึงสะโพกกลม
ขอบตาร้อนผะผ่าวเหมือนน้ำตาจะไหลออกมาอยู่รอมร่อไหนจะอาการครั่นเนื้อครั่นตัวจนต้องเบ้หน้างอแง
พอสายตาปรับสภาพกับแสงแดดที่สาดเข้ามาได้
ใบหน้าหวานก็ช้อนเงยขึ้นมองเจ้าของห้องที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่ ความอบอุ่นจากวงแขนและแผงอกเปลือยเปล่าทำเอาหน้าร้อนวาบเพราะนึกถึงเรื่องน่าอายเมื่อคืน
‘รัก’
เสียงกระซิบแหบพร่ากับสัมผัสอุ่นที่ประทับบนขมับซ้ำ
ๆ แบคฮยอนได้ยินเสียงกระซิบนั่นชัดเจนหากแต่ไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้
เพียงคำหนึ่งคำที่ทำให้หัวใจพองโตเป็นสาเหตุให้ตอนนี้แบคฮยอนกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้
ริมฝีปากบางถูกฟันซี่เล็กขบแน่นค่อย ๆ
ขยับพลิกตัวฝืนความปวดร้าวบนสะโพกหันมาหาเจ้าของร่างกำยำตรงหน้า
เมื่อคืนแบคฮยอนส่งเสียงครางอื้ออึงเพราะการนอนหลับที่ไม่สบายตัว
แต่สัมผัสเย็น ๆ
จากผ้าชุบน้ำทำให้ต้องปรือตาฝืนความเหนื่อยล้ามาเห็นว่าพี่ชานยอลกำลังทำความสะอาดร่างกายให้จนกระทั่งเขาอยู่ในชุดนอนสีน้ำเงินตัวโคร่งในตอนนี้
ดวงตาเรียวรีไล่สายตามองริมฝีปากนุ่มและปลายจมูกโด่งที่สัมผัสกับร่างกายซ้ำ
ๆ
ก่อนสายตาแบคฮยอนจะหยุดอยู่ที่เปลือกตาที่ยังคงหลับพริ้มเจ้าของใบหน้าคมผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอจนแบคฮยอนเชื่อสนิทใจว่าอีกคนยังคงหลับอยู่
เพราะคิดว่าพี่ชานยอลกำลังหลับฝ่ามือเรียวทำใจกล้ายกขึ้นแตะบริเวณสันกรามก่อนจะเขยิบตัวขึ้นจรดริมฝีปากนุ่มนิ่มลงบนปลายคาง
แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับใบหน้าออกคนขี้โกงก็ฉกใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากจนคนตัวจ้อยเบิกตากว้าง
ชานยอลสบสายตาไม่ห่างกระทั่งแบคฮยอนต้องรีบหลับตาลงหนีสายตาชวนเขินที่จ้องมองเขามาแล้วตลอดทั้งคืน
ริมฝีปากทาบบดคลึงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของคนที่ตื่นมาก็อ้อนจนน่ารังแกซ้ำ ๆ
อย่างหลงใหล ขบเม้มเรียวปากบวมช้ำเบา ๆ
ก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานข้างในด้วยความมันเขี้ยว
แบคฮยอนไม่มีแม่แต่เสียงจะร้องประท้วงจึงทำได้แค่กดปลายนิ้วลงกับแผงอกแกร่งเพื่อขออากาศหายใจ
พรากลมหายใจไปพักใหญ่ชานยอลถึงได้ยอมผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งยกมือขึ้นเปิดผมหน้าม้าอีกคนขึ้นก่อนจะทาบหน้าผากลงไปบนส่วนเดียวกันเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
“ไม่สบาย? ไหวไหม?”
“เราปวดตัว...” เสียงที่เคยเจื้อยแจ้วแหบพร่าจนน่าสงสาร
แม้ในใจจะอยากกอดไว้กับอกแล้วฟัดต่ออีกสักหน่อยแต่สุดท้ายก็ต้องจำใจผละออกมาเพราะความเป็นห่วง
คิ้วเข้มขมวดวุ่นผู้บริหารหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
แบคฮยอนมองตามอีกคนที่ทำท่าคิดหนักก่อนจะเดินไปค้นตู้อยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินหายออกไปข้างนอกก่อนจะกลับมาพร้อมแก้วน้ำเปล่าและเม็ดยาในมือ
“ไม่ได้สิ
ต้องกินข้าวก่อน” พูดเองเออเองเสร็จก็เดินไปยกโทรศัพท์ขึ้นสั่งอาหาร
ปล่อยให้แบคฮยอนนอนมองตาแป๋ว "รอก่อนนะครับ"
คนตัวจ้อยกัดริมฝีปากล่างพยักหน้าหงึกหลุบตาลงเพราะไม่กล้าสบตา
เมื่อคืนเขินอายแค่ไหนตอนนี้แบคฮยอนเขินคูณล้านจนแยกไม่ออกว่าใบหน้ากับร่างกายที่ร้อนฉ่าอยู่ตอนนี้เป็นเพราะพิษไข้หรือเป็นเพราะกำลังเขินอายพี่ชานยอลกันแน่
“อ่ะ…”
ร่างเล็กค่อย ๆ
ยันกายลุกขึ้นนั่งห้อยขาลงข้างเตียงหลังจากที่พี่ชานยอลเดินออกไปรับของด้านนอก
มือเล็กยกมาปิดกลางกายเพราะพี่ชานยอลใส่ให้แค่ชุดนอนตัวโคร่งไม่ได้มีเครื่องในชิ้นอื่นปิดบังร่างกายให้เด็กขี้เขิน
แบคฮยอนลุกขึ้นเดินเตาะแตะออกไปด้านนอกถึงได้เห็นเจ้าของแผ่นหลังกว้างกำลังจัดโต๊ะอาหาร
พอได้มองพี่ชานยอลมุมนี้แล้วก็หยุดมองไม่ได้เลย ไม่อยากจะเชื่อ ทำไมถึงเป็นเขาที่อยู่ตรงนี้
เป็นแบคฮยอนที่ได้อยู่กับพี่ชานยอล นี่แบคฮยอนกำลังฝันดีอยู่รึเปล่านะ...
คนตัวเล็กเลิ่กลั่กก่อนจะยิ้มแหยตอนพี่ชานยอลหันมามอง
ชานยอลเดินเข้ามาคว้าเอวหมับพยุงร่างเล็กให้เดินมาที่โต๊ะอาหาร
คนตัวเล็กจำต้องยืนแทรกกายอยู่กลางระหว่างขายกมือขึ้นวางบนไหล่กว้างพยุงร่างกายที่กำลังโซเซ
“เจ็บมากเลยเหรอ”
“อึ้ก…”
มือหนาทั้งสองข้างวางลงบั้นเอวออกแรงบีบอย่างเบามือระหว่างเอวคอด
ร่างเล็กอึกอักตอนมือหนาเลื่อนลงไปจับสะโพกกลมก่อนจะออกแรงบีบนวดอย่างเบามือ
“พ..
พี่ชานยอลไปทำงานเป็นยังไงบ้างคับ”
“เหนื่อยครับ” ใบหน้าหล่อเงยขึ้นมามองมุมปากติดอมยิ้มเพราะขนาดตัวจ้อย ๆ
ของคนในอ้อมแขนแค่ชานยอลเงยขึ้นมาก็สามารถหอมแก้มแบคฮยอนฟอดใหญ่แบบเมื่อครู่ได้ง่าย
ๆ แล้ว “แต่ตอนนี้หายเหนื่อยแล้ว พี่ได้ยาดีน่ะ”
“เอ่อ..
แล้วคุณแม่พี่ชานยอล”
“สบายดีครับ
แม่พี่ถามหาเราใหญ่เลย”
“แล้วท่านประธาน
เอ่อ คุณพ่อพี่ชานยอล”
“นอนเหงาอยู่
แม่ไม่ยอมกลับบ้าน”
“คุณเซฮุน—“
“เป็นอะไร”
“คือ...”
“หืม? พูดจ้อไม่หยุดเลย เขินเหรอ”
พี่ชานยอลรู้!
จากที่เลิ่กลั่กอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งหนักขึ้นกว่าเดิมอีกแบคฮยอนพยายามหาเรื่องชวนคุยสุดฤทธิ์
พอตกอยู่ในความเงียบทีไรก็ทำตัวไม่ถูกจะมองหน้าพี่ชานยอลก็ไม่ได้มองทีไรอีกคนก็เอาแต่อมยิ้มใส่เหมือนกะแกล้งให้เขินจนหน้ามืด
พิษพี่ชานยอลเล่นงานหนักกว่าพิษไข้ซะอีก!
“ต้นอ่อน”
“คับ”
“เป็นแฟนพี่แล้วนะ” ท่อนแขนแกร่งเลื้อยมารัดรอบเอวบางดึงอีกคนเข้ามาแนบชิดกัน
มือหนาอีกข้างยกขึ้นมาจับปลายคางเด็กขี้เขินที่หน้าแดงซ่านกัดริมฝีปากให้หันมาสบตา
"มองพี่หน่อยสิ"
“ถ้าเรามองพี่ชานยอลตอนนี้เราต้องระเบิดตัวเองแน่
ๆ เลย”
“พี่คิดถึงขนาดนี้ จะไม่ยอมมองหน้าพี่จริง
ๆ เหรอ”
“…”
“ไม่คิดถึงพี่เหรอ?”
แบคฮยอนยอมพี่ชานยอลหมดทุกอย่างนั่นแหละ
ใบหน้าหวานยอมก้มลงเล็กน้อยเพื่อสบตากับเจ้าของวงแขนแกร่งที่ยังกอดรัดเขาไม่ยอมปล่อย
จากมือที่วางเกร็ง ๆ ไว้บนไหล่แกร่งวงแขนเล็กเลื่อนไปโอบกอดรอบลำคออีกฝ่ายบ้าง
แสดงให้เห็นว่าถ้าแบคฮยอนไม่คิดถึงจะอยู่ตรงนี้เหรอ...
'รัก'
ยิ่งนึกถึงเสียงแหบพร่าแบบนี้กับดวงตาคู่นี้ที่มองเขามาตลอดหลายเดือน
กับประโยคสั้น ๆ ที่ปลดล็อคทุกอย่าง
“พี่ชานยอล”
“ครับ?”
“เรา...” ดวงตาทั้งสองคู่สบกันไม่ห่างหัวใจจังหวะเดียวกันเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้
คนตัวเล็กสูดหายใจรวบรวมความกล้าเข้าเต็มปอด “เราไม่เคยเข้าใจความรู้สึกแบบนี้...”
“...”
“ไม่เคยรู้ว่าการชอบใครสักคนมันเป็นแบบไหน”
“...”
“แต่ตอนนี้เรารู้ตัวนะว่าเราชอบพี่ชานยอลมาก
ๆ”
“...”
“เราชอบพี่ชานยอลที่สุดเลย”
“...”
“เราคิดถึง
เราอยากให้พี่ชานยอลกลับมากอด... แบบนี้”
วงแขนทั้งคู่โอบรอดกันแน่นขึ้นอัตโนมัติชานยอลอมยิ้มระหว่างตั้งใจฟังเด็กขี้เขินพ่นความรู้สึกออกมา
ใบหน้าคมเอียงซบลงกับซอกคอขาวสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดริมฝีปากพรมจูบลงไปด้วยความเอ็นดูปนมันเขี้ยว
“อ้อนเก่ง”
“เราอยากอ้อนพี่ชานยอล”
อยู่ ๆ
คนตัวโตก็ลุกพรวดขึ้นแบคฮยอนตกใจกอดรัดลำคอแกร่งแน่นร่างเล็ก ๆ
ถูกรวบชึ้นจนตัวลอยบนท่อนแขนแกร่ง
ดวงตาชวนเขินฉายอออกมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้คนในอ้อมแขนขนลุกซู่
“ไปอาบน้ำกันดีกว่า”
“ต แต่ข้าว--!!”
“พี่ว่าตอนนี้เราคงไม่หิวข้าวกันแล้ว”
รอยยิ้มแบบนี้มัน..!!!
แบคฮยอนกัดริมฝีปากล่างสลับกับเผยอปากครางแผ่วเรียวขาถูกคนขี้แกล้งดันออกจากกันโดยที่แบคฮยอนนั่งอยู่บนขอบอ่างคนตัวเล็กพยายามจะดันหัวอีกคนออกจากส่วนนั้นแต่ก็ต้องยอมแพ้เพราะสุดท้ายก็ต้องดึงมือกลับมาดันพยุงตัวเองไว้ก่อนจะร่วงลงไป
เสียงใสครางอื้ออึงเหมือนเป็นน้ำมันที่ราดลงบนกองเพลิงที่ชื่อชานยอล
ปลายลิ้นเฉอะแฉะไล้ผ่านผิวเนื้ออ่อนคล้ายกำลังลิ้มรสของหวานที่แสนโปรดปราน
“พี่— ชานยอล ฮื้อ!”
ช่องทางสีสวยถูกรุกล้ำด้วยเรียวลิ้นแบคฮยอนพยายามจะหนีบขาเข้าหากันพี่ชานยอลแทบไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสหายใจด้วยซ้ำ
คนที่อยู่ในอ่างยันตัวขึ้นยืนเข่าเลียริมฝีปากอย่างกระหายและเป้าหมายต่อไปคงไม่พ้นยอดอกที่ชูชันอย่างหน้าไม่อาย
ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ทำเอาแบคฮยอนผวามาถึงสองครากำลังขยับเข้ามาที่เดิม
แม้ครั้งนี้พี่ชานยอลจะดันเข้ามาอย่างง่ายดายแต่ก็ทำเอาเจ้าต้นอ่อนสะอื้นฮักก้อนใหญ่เพราะความเสียดเสียว
“อ่ะ..”
“อ่า...”
“อย่าพึ่งขยับนะ
อึก..”
“เจ็บไหม” พ่อเสือหนุ่มถามเสียงพร่าตอนเห็นอีกคนตัวสั่นชานยอลเริ่มสำนึกได้ว่าส่วนนั้นของแบคฮยอนคงบอบช้ำไปหมดแล้ว
จากตอนแรกที่จะตัดไฟแล้วถอดส่วนนั้นออกมาก็ต้องเงยหน้าครางเสียงพร่าเพราะแรงตอดรัด
แบคฮยอนจิกมือลงกับไหล่แกร่งแน่นคนตัวโตกว่าโน้มตัวลงมาให้เด็กน้อยที่กำลังหาที่พึ่งกอด
ความอ่อนโยนแทบพังเมื่อแบคฮยอนส่งเสียงครางหงุงหงิงชิดใบหูเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าคล้ายกับกำลังทดสอบความอดทนของเขาอยู่
ชานยอลเคยบอกไปแล้วว่าเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน
“อ๊า!”
สะโพกสอบจงใจกระทั้นเข้ามาหนัก ๆ
จนเด็กน้อยตัวสั่นเชิดหน้าขึ้นครางเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว น้ำตาสีใสไหลออกจากหางตาอีกครั้งความคับแน่นและความเสียวซ่านที่เริ่มปนเปกันไม่ต่างกับเสียงน่าอายที่ก้องอยู่ภายในห้องน้ำ
เสียงทุ้มต่ำคำรามน่าขนลุกพี่ชานยอลมุมนี้ทำแบคฮยอนใจเต้นไม่เป็นส่ำทั้งความน่าตระหนกความน่ากลัวความน่าหลงไหลมีอยู่ครบอยู่ในตัวคนคนเดียว
“ไหนใครบอกว่าอยากอ้อนพี่ชานยอลกันนะ”
อีกคนผ่อนจังหวะลงแต่กลับไม่ได้หยุดขยับไปเลยเพียงแต่ขยับช้า
ๆ พอให้ได้เสียงเสียงหวิวหลุดออกมา
แก้มใสขึ้นสีระเรื่อรีบก้มหน้างุดลงกับแผงอกพี่ชานยอลกำลังแกล้งแบคฮยอนอีกแล้วเหรอนี่ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องอ้อนกันเสียหน่อยอ่ะ
ลูกหมาเด็กคันฟันงับเข้ากันไหล่แกร่งเพราะต้งการเอาคืนที่พี่ชานยอลเอาแต่แกล้งให้เขาอาย
แต่แบคฮยอนก็แพ้อีกแล้วคนตัวโตก้มลงมากระซิบเสียงพร่า “งับแบบนี้เรียกว่าอ้อนนะ
ชอบตรงนี้เหรอ”
ไม่รอดแล้ว
สู้ไม่ไหว
แบคฮยอนจะต้องระเบิดตัวเองไปพร้มความเขินตอนนี้เลย
หมดเวลาแกล้งแล้วเพราะโดนแกล้งมาหลายรอบจัดแบคฮยอนถึงได้ตาปรือจนแทบจะลืมไม่ไหว
ชายหนุ่มซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นสลับเงยไปจูบขมับปลอบประโลมคนสะอื้นฮักไม่หยุด
“อื้อ อ๊า!”
แรงเสียดสีซ้ำ ๆ หนัก ๆ
ที่จุดกระสันทำให้แบคฮยอนปลดปล่อยออกมาอย่างง่ายดายโดยที่ชานยอลไม่ได้แตะส่วนอ่อนไหวแม้แต่น้อย
ช่องทางแน่นที่บีบรัดตุบ ๆ เร่งให้ชายหนุ่มพ่นน้ำขาวขุ่นเข้าไปในนั้นจนหมดสิ้น
เสียงหอบของทั้งคู่ดังสะท้อนแข่งกันภายในห้องน้ำคนตัวเล็กหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนค่อย
ๆ คลายอ้อมแขนออกจากรอบคอแกร่ง
สะดุ้งสลับครางฮือเป็นระยะเพราะเรียวนิ้วที่สอดเข้ามาทำความสะอาดให้
“พี่ชานยอลเอาแต่ใจ”
“ขอโทษครับ” พอได้ยินเสียงบ่นก็ยอมก้มหน้าฟังแบคฮยอนพูดด้วยความรู้สึกผิด
“แกล้งเราตั้งเยอะ
เราเจ็บไปหมดเลยอะ” แต่ประโยคต่อมาก็ทำคนขรึมชะงักขมวดคิ้ววุ่น
หูเขากำลังฝาดหรือเปล่านะ? “ทีหลังไม่ทำรุนแรงไม่ได้เหรอ...”
จบประโยคสุดท้ายเสียงทุ้มก็หลุดหัวเราะ
แบคฮยอนจะรู้ตัวหรือเปล่านะว่าพูดอะไรออกมา แบบนี้ก็เรียกว่ากำลังอ้อนชัด ๆ
ฮ่ะ ๆ
แน่นอนว่าครั้งหน้าพี่จะอ่อนโยนมากกว่านี้อีกครับ..
ส่วนแบคฮยอนที่เอาแต่บ่นหงุงหงิงทั้ง
ๆ ที่ลืมตาไม่ขึ้นจำได้เพียงว่าพี่ชานยอลตั้งใจทำความสะอาดกระทั่งช้อนตัวอุ้มเขาออกมาจากห้องน้ำและพอร่างกายสัมผัสกับผนเตียงแบคฮยอนก็หลับปุ๋ยไปทั้งแบบนั้นเลย...
100%
TALK
อันนี้เป็นพาร์ทที่เราเคลมไว้ว่าจะมีเพิ่มเติมให้ในเล่มค่ะ
แต่เราดันพลาดที่น่าจะไปเขียนเพิ่มเติมผิดไฟล์
แล้วไม่ได้เช็คให้ละเอียดก่อนส่งโรงพิมพ์ว่าในเล่มขาดฉากนี้
จริง ๆ ไม่ใช่พาร์ทใหญ่หวือหวาอะไรแต่เราอยากให้อ่านจริง ๆ นะ
เราต้องขอโทษนะคะที่ทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีกแล้ว T_T
เราขออนุญาตลงให้อ่านในเว็บนะคะ
แล้วเราจะเขียนตอนพิเศษไถ่โทษอีก 1 ตอนนะคะ ;-;
ขอโทษจากใจอีกครั้งค่ะ